วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

โวยเกาะท่องเที่ยว-ขยะลอยเกลื่อน รีสอร์ต

โวยเกาะท่องเที่ยว-ขยะลอยเกลื่อน รีสอร์ตแอบทิ้ง "สิมิลัน"ผวาเละ จี้คุมจำนวนคน

ผวา "เกาะสิมิลัน-เกาะตาชัย" เละ จี้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เผยช่วงหยุดยาวต้องรับมากถึงวันละเกือบ 5 พันคน แถมยังก่อสร้างอาคาร-ร้านอาหาร หวั่นกระทบระบบนิเวศ-สิ่งแวดล้อม ส่วนที่เกาะไหงโวยรีสอร์ต แอบนำขยะทิ้งกลางทะเล นักท่องเที่ยวมาเจอถึงผงะขยะลอยเกลื่อน ต้องช่วยกันเก็บวุ่น โดยเฉพาะบริเวณจุดดำน้ำดูปะการัง หวั่นกระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการ 



เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ถึงความไม่เหมาะสมของผู้ประกอบการรีสอร์ต บางรายบนเกาะไหง บริเวณเขตรอยต่อ ระหว่างจ.ตรัง และกระบี่ เนื่องจากนำขยะจากบนเกาะมาทิ้งไว้กลางทะเล บริเวณจุดดำน้ำของเกาะไหง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่สวยงามและยังกระทบกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ที่สำคัญยังเป็นผลลบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วย ทำให้ไกด์ชาวไทยที่พานักท่องเที่ยวต่างชาติพายเรือผ่านมาพบ ต้องช่วยกันเก็บเศษขยะที่ลอยเกลื่อน เนื่องจากบริเวณที่พบอยู่ใกล้กับปะการังและจุดที่สัตว์ทะเลอาศัยอยู่จำนวนมาก พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการโดยด่วน

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง ผู้โพสต์ข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าขยะที่ลอยอยู่ในทะเลบริเวณเกาะไหง มักถูกคนงานนำใส่เรือหางยาวมาทิ้งกลางทะเลอันดามัน ในช่วงเย็นของทุกวัน ซึ่งวันที่ผ่านไปพบมีจำนวนมากถึง 5 ถุงดำขนาดใหญ่ ประกอบกับบริเวณนั้นน้ำไหลนิ่ง ทำให้ขยะทั้งหมดมารวมอยู่จำนวนมาก จึงช่วยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเก็บขึ้นเรือไปทิ้ง แต่ถ้าเป็นช่วงที่น้ำไหลแรงคงพัดพาเศษขยะออกทะเล ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบกับสัตว์ทะเลและปะการังในพื้นที่

"ผมเป็นไกด์มักพายเรือแคนู เพื่อพา นักท่องเที่ยวไปเที่ยวบริเวณหน้าเกาะไหง แต่เมื่อเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาสอบถามถึงที่มาของขยะจำนวนมากที่ลอยเกลื่อน ผมถึงกับอึ้ง รู้สึกอายและพูดอะไรไม่ออก จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ประกอบการบางรายที่แอบนำขยะมาทิ้ง" ผู้โพสต์ข้อมูลระบุ

ด้านนายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตรัง กล่าวยอมรับว่า มีผู้ประกอบการรีสอร์ตบนเกาะไหงบางราย จากที่มีอยู่ทั้งหมด 20 ราย ได้ให้แรงงานชาวพม่านำขยะบรรทุกใส่เรือแล้วไปทิ้งกลางทะเล โดยใส่ถุงดำและใช้เชือกมัดก่อนนำก้อนหินมาถ่วงไว้ แต่บางถุงเชือกหลุด ทำให้ขยะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ประกอบกับช่วงนี้มีลมมรสุม จึงพัดพาขยะเหล่านี้เข้าสู่ชายฝั่งและส่งผลให้นักท่องเที่ยวพบเห็นดังกล่าว ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเร่งแก้ไข

ขณะที่นายกัณต์เกษม มีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งดูแลรับผิดชอบเกาะไหง กล่าวว่า หลังทราบเรื่องกรณีดังกล่าวได้แจ้งไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานที่เกาะไหงให้เร่งตรวจสอบ โดยจากการออกไปตรวจสอบไม่พบขยะลอยอยู่ และให้เจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรีสอร์ตที่อยู่บนเกาะ ให้ร่วมกันดูแลและไม่ทิ้งขยะหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยกำชับเจ้าหน้าที่หากพบมีการทิ้งขยะก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที และให้จัด เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ด้วย 

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มาถึง ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปพักผ่อนและเยี่ยมชมความสวยงามที่หมู่เกาะสิมิลันและเกาะตาชัย จ.พังงา โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวจะมี นักท่องเที่ยวเดินทางไปทั้ง 2 เกาะ ไม่น้อยกว่า 4,800 คน โดยกระจายไปยังเกาะตาชัยประมาณ 2,400 คน และหมู่เกาะสิมิลัน 2,400 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากเกินกว่าพื้นที่จะรับได้ ผลที่ตามมาทำให้ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมบนเกาะแก่งต่างๆ เริ่มเสื่อมโทรมเสียหาย โดยเฉพาะที่เกาะตาชัย 

น.ส.สุปราณี ส่งบุญสุข นักท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เคยไปเที่ยวเกาะตาชัยเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้กลับมาเที่ยวอีกและต้องพบกับ การก่อสร้างอาคารร้านอาหารใหญ่โต จนเกาะตาชัย แทบไม่เหลือร่องรอยความงดงามของธรรมชาติ ดูไปคล้ายตลาดสด ที่น่าเศร้าสลดใจที่สุดเห็นจะได้แก่ร่องรอยการเผาทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยและจำนวนปูเสฉวน ซึ่งในอดีตเกาะตาชัยเป็นแหล่งที่มีปูเสฉวน ปูไก่ นกชาปีไหน รวมถึงสัตว์ป่านานาชนิดและสัตว์ทะเลหายากจำนวนมาก โดยเฉพาะแหล่งน้ำจืดบริเวณหน้าชายหาด แต่ตอนนี้กับพบว่ามีจำนวน น้อยลงมาก จึงอยากให้มีการกำหนดจำนวน นักท่องเที่ยวที่เข้ามา เพื่อให้ธรรมชาติที่สวยงามยังคงอยู่ นอกจากนี้อยากให้ควบคุมเรื่องการก่อสร้างอาคารต่างๆ ด้วย

ด้านนายพงศ์ธีระ บัวเพ็ชร อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมวิทยา กล่าวว่า ในส่วนของปูเสฉวนบนเกาะตาชัย ปัจจุบันลดลงจำนวนมาก สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก นักท่องเที่ยวเก็บเปลือกหอยจากชายหาด และมีการเผาทำลายเปลือกหอย ทำให้ปูเสฉวนไม่มีเปลือกหอย ดังนั้น ทุกฝ่ายควรหันมาให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลระบบนิเวศ

ขณะที่นายอาทิตย์ ขยันกิจ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ อุทยานฯ อยู่ที่เกาะตาชัย ในแต่ละวันต้อง จัดเตรียมอาหารให้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมารับประทานอาหารบนเกาะตาชัยไม่น้อยกว่า 500 คน โดยคิดค่าอาหารคนละ 250 บาท เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีอยู่จึงต้องคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว จึงอยากให้กรมอุทยานฯ หาวิธีจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว  



ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:  khaosod

รถตู้ชนเสา แดนเซอร์ดับ3 เจ็บคาซากอีก7 ตร.คาดหลับใน

 ชนสยอง รถตู้วงแดนเซอร์ สาวนักเต้นดับสลด 3 เจ็บอีก 7 หลังพุ่งชนเสาไฟเกาะกลางถนน จนรถหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังยับเยินที่ลพบุรี คนขับ-หัวหน้าวงเผยพาทีมงาน น้องใหม่แดนซ์ รวม 10 ชีวิต ไปเต้นงานประจำปีที่วัดในจ.สระบุรี งานเลิกเก็บของ พากันกลับบ้านที่สิงห์บุรี จู่ๆ รถก็เสียหลัก ขึ้นไปชนเสา ทำให้น้องสาวกับน้องสะใภ้ เสียชีวิตไปด้วย ส่วนคนเจ็บทั้งหมดก็เป็นญาติๆ กัน ตร.คาดคนขับรถหลับใน แจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย 




เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 3 เม.ย. ร.ต.ท.วินัย แสนบุตร พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ลพบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถตู้ชนเสาไฟฟ้าบนเกาะกลางถนนพหลโยธิน ขาเข้าตัวเมืองลพบุรี ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 145-146 หมู่ 2 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี แล้ว พลิกคว่ำทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ. ณัชภูมิ วรรณวิไล ผกก.สภ.เมืองลพบุรี เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ร.พ.พระนารายณ์มหาราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลพบุรี

ที่เกิดเหตุกลางถนนพบรถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์ฟ้า หมายเลขทะเบียน นข 3658 ลพบุรี กระจกหลังติดสติ๊กเกอร์ทีมงานน้องใหม่แดนซ์ สภาพชนป้ายจราจรและเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนนขาด 2 ต้น หงายท้องล้อชี้ฟ้าหลังคารถชนอัดอยู่กับเสาไฟพังยับเยิน ใกล้กันพบศพผู้โดยสารเป็นหญิงสาววัยรุ่นนอนเสียชีวิตอยู่ 1 ราย ส่วนภายในรถพบศพหญิงสาวถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิต 2 คน นอกจากนั้นยังพบหญิงสาววัยรุ่นได้รับบาดเจ็บติดอยู่อีก 6 คน เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องตัดถ่างนำ ผู้บาดเจ็บส่งร.พ.พระนารายณ์มหาราช โดยมีชายคนขับรถนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ริมถนน

จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ชิตตาภา พงษ์บุปผา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 1 ต.บางมัน อ.เมือง จ.สิงห์บุรี น.ส.รัชฎาพร อ่อนนิ่ม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/1 หมู่ 1 ต.บางมัน อ.เมืองสิงห์บุรี และน.ส.อรวิพา พุกปาน อายุ 16 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บมี น.ส.กนกวรรณ ลำไยย่อง น.ส.จรัญญา หลงพง น.ส.อมรรัตน์ เหลือชั่ง น.ส.สุชาดา อิ่มมิรันธ์ น.ส.นันทิดา พวงโต นายธรรมนูญ สุขเจริญ และด.ช.ธันวา อิ่มมิรันธ์ ทั้งหมดมีบ้านพักอยู่ หมู่ 1 ต.บางมัน อ.เมืองสิงห์บุรี

สอบสวนนายพงษ์ภกรณ์ มาระศรี อายุ 26 ปี คนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ให้การว่า ตนเป็นหัวหน้าวงแดนเซอร์ ชื่อวงน้องใหม่แดนซ์ อยู่ที่จ.สิงห์บุรี รับงานเต้นแดนเซอร์ในเขตจังหวัดภาคกลาง ช่วง 2 คืนนี้พาคณะแดนเซอร์ 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติๆ กันไปเต้นงานประจำปีแบบย้อนยุคที่วัดบ้านดอน ต.หัวลำ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย หลังจากเลิกงานช่วงประมาณเที่ยงคืนก็เก็บของขึ้นรถพาคณะกลับบ้านพักที่ จ.สิงห์บุรี โดยขับรถมาตามถนนพหลโยธินพอถึงจุดเกิดเหตุรถเสียหลักพุ่งขึ้นเกาะกลางถนน ชนป้ายบอกทางจราจรและเสาไฟฟ้าจากนั้นตนก็หมดสติไปจำอะไรไม่ได้อีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีพบว่ารถตู้หงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่กลางถนนจนกระทั่งมีคนมาช่วยดึงออกจากซากรถ จากนั้นจึงเห็นว่าน้องสาว น้องสะใภ้ และเพื่อนของน้องสาวเสียชีวิต ส่วนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า นายพงษ์ภกรณ์น่าจะเกิดอาการหลับในจนรถเสียหลักขึ้นไปชนเสาไฟฟ้าบนเกาะกลางถนน โดยช่วงบริเวณกลางรถด้านขวาฟาดกับเสาไฟฟ้าอย่างแรง ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่บริเวณเบาะด้านหลังถูกแรงกระแทกกระเด็นออกมานอกรถและเสียชีวิต จึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:  khaosod


คลิประทึก!! จำไว้ เจองู"อนาคอนด้ายักษ์"ในบึง อย่าเอาไม้ไปแหย่เด็ดขาด

วันที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:50 น.  ข่าวสดออนไลน์



  คลิประทึก!! จำไว้ เจองู"อนาคอนด้ายักษ์"ในบึง อย่าเอาไม้ไปแหย่เด็ดขาด

  คลิป Anaconda Attack โพสต์โดย agolnar13 เผยแพร่มาหลายปีแล้ว แต่ช่วงนี้มีคนนำมาโพสต์ซ้ำจนเกิดการแชร์กันในโลกออนไลน์อีกครั้ง มาดูกันว่าเวลาเจองูอนาคอนด้ายักษ์นอนอยู่ในบึงน้ำ อย่าเอากิ่งไม่ไปแหย่เด็ดขาด!!!

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:  khaosod
ขอบคุณ agolnar13 และ youtube.com    

หนุ่มซิ่งบิ๊กไบก์คันละล้าน ชนนศ.ปี 4

หนุ่มซิ่งบิ๊กไบก์คันละล้าน ชนนศ.ปี 4 พระจอมเกล้าพระนครเหนือ กำลังเดินข้ามถนน - ตายสยอง

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 4 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.ศราวุธ บุดดีคง พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ ชนคนข้ามถนนเสียชีวิต บนถนนรัชดาขาออกบริเวณเชิงสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง




ที่เกิดเหตุบนถนนรัชดาขาออก ซึ่งเป็นถนน 4 เลน บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง พบศพ นายกฤษณะ จันละมุด อายุ 23 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะเปิดเป็นแผลฉกรรจ์ สภาพนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 100 เมตร พบ จยย.ยี่ห้อบี เอ็ม ดับบลิว รุ่น เอส 1000 อาร์อาร์ สีขาว ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่เลนซ้ายสุดสภาพด้านหน้าพังยับเยิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวทราบชื่อ นายชัชชัย แดงสอน อายุ 25 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น

จากการสอบสวน นายตฤน อายุ 24 ปี เพื่อนผู้ตาย ให้การว่าตนเองและผู้ตายได้มาดื่มกินกันที่ร้านลิซึ่ม ประชาชื่น ตั้งแต่ 21.00 น. จนกระทั่งร้านเลิกตนและผู้ตายกำลังจะเดินข้ามถนนจากหน้าร้านมาอีกฝั่ง เพื่อจะเรียกรถแท็กซี่กลับหอพักย่านวงศ์สว่าง พอข้ามมาถึงบริเวณเกาะกลางถนน ตนและผู้ตายกำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งจากนั้นตนเองได้ยินเสียงเหมือนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ขับมาเร็วเสียงดังสนั่น ทำให้ตนเองหยุดชะงัก เมื่อหันมาพบว่ารถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์คันดังกล่าวก็มาถึงตัวแล้ว ตนเองตกใจกระโดดหลบมาอยู่บนเกาะกลางถนน ส่วนผู้ตายหลบไม่ทันถูกชนจนร่างกระเด็นก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้น สำหรับผู้ตายนั้นเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวอุตสาหการ ชั้นปีที่4  ซึ่งจะจบในเดือนมิถุนายนนี้  แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

ด้าน ร.ต.ท.ศราวุธ  กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กับผู้ขับขี่ไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอให้ผู้ขับขี่ที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น อาการดีขึ้นเสียก่อน หลังจากนั้นจะเรียกมาสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าส่วนรถจักรยานยนต์บี เอ็ม ดับบลิว รุ่น เอส 1000 อาร์อาร์ คันเกิดเหตุนั้นเป็นรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตขนาดใหญ่ ซึ่งมีราคาแพงสูงถึงคันละกว่า 1,000,000 บาท 

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:  khaosod

จับสาวโหด! มือสังหารแม่ค้าร้านขายของชำชิงรถเก๋ง

จับสาวโหด! มือสังหารแม่ค้าร้านขายของชำชิงรถเก๋ง - คุมตัวไปทำแผนฯ ชาวบ้านรุมสาปแช่ง



คดีคนร้ายสังหารโหดฆ่าทุบหัว น.ส.อภิชญา หรือป้าแดง นพมาศ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ในหมู่ 4 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เสียชีวิตอยู่บริเวณเตียงนอนภายในร้าน แล้วชิงทรัพย์สินและรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีแดง ของผู้เสียชีวิตหลบหนีไป กระทั่งมีชาวบ้านไปพบเป็นศพขึ้นอืดเมื่อกลางดึกของวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง โดยการนำของ พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวล่าตัวคนร้าย จนสามารถติดตามจับกุม น.ส.ฤทัยรัตน์ หรือกี้ ผมอุด อายุ 28 ปี ชาว จ.อุดรธานี กับ นายวีรยุทธ หรือตุ้ม จงหาญ อายุ 28 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 2 ผู้ต้องหาในคดีนี้ พร้อมของกลางรถเก๋ง ส่วน น.ส.สุภาพร หรือจอย สีทา อายุ 31 ปี แฟนสาวของนายวีรยุทธ และเป็นคนลงมือสังหาร น.ส.อภิชญา ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนีตามที่รายงานไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าของคดีนี้เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 เม.ษ.58 พ.ต.อ.ชัชชพล ภัทรศิริพร พงส.ผทค. พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจและชุดสืบสวน ได้คุมตัว น.ส.สุภาพร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ หลังติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านเกิดใน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น เมื่อกลางดึกวันเดียวกัน ท่ามกลางชาวบ้านนับร้อยคนต่างพากันแห่มาดูโฉมหน้าฆาตกร พร้อมกับตะโกนด่าทอสาปแช่งผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้น บางคนถึงกับคุมอารมณ์ไม่อยู่วิ่งกรูจะมาทำร้าย น.ส.สุภาพร จนเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครต้องช่วยกันกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่าง ก่อนนำตัวไปทำแผนฯตามขั้นตอนโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ

จากการสอบปากคำ น.ส.สุภาพร ให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุตั้งใจจะพากันไปขโมยทรัพย์สินภายในร้านเท่านั้น แต่บังเอิญ น.ส.อภิชญา หรือป้าแดง เจ้าของร้าน ตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ และคว้าเอาค้อนตอกตะปูจะมาทำร้าย ตนจึงต่อสู้และแย่งค้อนมาได้ก่อนทุบเข้าที่ศีรษะจนสลบล้มลงบนเตียง จากนั้นจึงนำผ้าห่มมาปิดใบหน้าแล้วใช้ค้อนทุบซ้ำอีกหลายครั้ง จนแน่ใจว่าเหยื่อเสียชีวิตแล้ว เลยพากันหยิบฉวยทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง พร้อมกับขับรถเก๋งของผู้เสียชีวิตไปจำนำกับคนรู้จักก่อนพากันแยกย้ายหลบหนี จนมาถูกตำรวจจับกุมตัว และขอยืนยันว่าตนเป็นคนลงมือฆ่าคนเดียว ส่วน น.ส.ฤทัยรัตน์ หรือกี้ กับ นายวีรยุทธ หรือตุ้ม คอยดูต้นทางอยู่นอกร้าน

ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้นจึงแจ้ง 2 ข้อหาหนักคือ ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือร่วมกันรับของโจร ก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:  khaosod