วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หม้อแปลงในโรงงานย่านบางใหญ่ระเบิด ดับ 1 เจ็บอีกเพียบ

มีรายงานเหตุหม้อแปลงขนาดใหญ่ของโรงงานย่านบางใหญ่ระเบิด เบื้องต้นเจ็บนับสิบ เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย 
วันนี้ (4พ.ค. ) เวลา 09.30 มีรายงานว่า เกิดเหตุหม้อแปลงขนาดใหญ่ภายในโรงงาน KMLเทคโนโลยี ย่านบางใหญ่ ได้ระเบิด โดยแรงระเบิดทำให้อาคาร 2 หลังไฟไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ในเวลาต่อมา






เบื้องต้นมีรายงานว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบคน และเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าทีอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ


นายกฯสั่งเข้มด่านแอลกอลฮอล์ หลังเก๋งซิ่งเสยนักปั่นดับ 3 ศพ ที่เชียงใหม่

นายกฯสั่งเข้มด่านแอลกอลฮอล์ หลังเก๋งซิ่งเสยนักปั่นดับ 3 ศพที่เชียงใหม่ 

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  จากเหตุการณ์เมาแล้วขับจนทำให้ชนขบวนนักปั่นจักรยานเสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ จ.เชียงใหม่
ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันเรื่องการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้สม่ำเสมอ และหากพบผู้กระทำผิดต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง




ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีน้ำใจและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ยานพาหนะ

แรง! เพจดัง ฉะ หมอปลายทายสึนามิมั่ว เคยรับผิดชอบมั้ย?

แรง! เพจดัง ฉะ หมอปลายทายสึนามิมั่ว เคยรับผิดชอบมั้ย?

จากกรณีที่ หมอปลาย ณวรชา พินิจโภคากร นักทำนายชื่อดังที่ออกมามาตอบกลับชาวเน็ตกรณีที่ขุดคุ้ยคำทายสึนามิไม่แม่นมาแชร์อีกครั้ง โดยหมอปลายอ้างว่าการทำนายดังกล่าวเป็นการเตือนภัยไม่ให้ประมาท
ล่าสุดเรื่องราวยังไม่จบและกลายเป็นประเด็นร้อนแรงมากยิ่งขึ้น  เมื่อแฟนเพจดังอย่าง Drama-addict ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างถึงพริกถึงขิงว่าการกระทำดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวในภาคใต้หายหมด ชาวบ้านแตกตื่น พอคำทำนายไม่เป็นจริงไม่เห็นออกมารับผิดชอบและอ้างว่าที่สึนามิเลื่อนเพราะคำทำนายของตัวเอง




“…มุขเด็ดของพวกหมอดูหมอเดา พอคำทำนายมหันตภัยไม่แม่นก็อ้างว่า เพราะตัวเองพยากรณ์เอาไว้ทำให้คนระวังตัวมหันตภัยจึงถูกเลื่อนเวลาออกไป มีอ้างว่าเตือนไว้คนจะได้ระวังเพราะประเทศนี้เคยเกิดสึนามิมาแล้ว ประเทศอื่นที่เคยเกิดสึนามิเขาก็ระวังเหมือนกันนะ ทำไมมีคนเตือนถึงไม่เชื่อทำไมถึงลบหลู่  เธอเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รึไง…”



อยากให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับพวกพยากรณ์หากินกับความกลัวของคนอย่างหมอปลายได้แล้ว และแนะนำว่าประเทศไทยมีศูนย์เตือนภัยพิบัติสึนามิแล้วไม่จำเป็นที่หมอดูจะต้องมาทำนายสึนามิอะไรแบบนี้ สร้างความตระหนกให้กับประชาชนเปล่าๆ พร้อมกับยกตัวอย่างชาวบ้านในฟิลิปินส์ตกใจข่าวลือสึนามิจนหัวใจวายระหว่างวิ่งหนีสึนามิ ซึ่งสุดท้ายเป็นเพราะข่าวลือที่ไม่เคยมีการออกมารับผิดชอบเลย

ที่มา Drama-addict

MThai news

อิสราเอล เดือด ผู้ประท้วงผิวสี ปะทะตร. ต้านเหยียดผิว

เจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอล เข้าสลายการชุมนุม ผู้ประท้วงชาวยิวเชื้อสายเอธิโอเปีย หลังพยายามบุกยึดสถานที่ราชการสำคัญในเมืองเทลอาวีฟ
วันนี้ (5 พ.ค.) สำนักข่าว ‘บีบีซี’ รายงานข่าวนายยิตซ์ฮัค อาฮาโรโนวิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล แถลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อประณามการเดินขบวนประท้วงของประชาชนชาติพันธุ์เอธิโอเปีย ซึ่งเป็นกลุ่มคนผิวสี ในย่านใจกลางกรุงเทลอาวีฟ ถือให้การรวมตัวครั้งเป็น เป็นเหตุจราจล ในเมืองเทลอาวีฟ ประเทศ อิสราเอล

สาเหตุเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ประท้วงนับพันราย ออกมาลุกฮือ ต่อต้านการเหยียดสีผิว ด้วยการบุกยึดอาคารในเขตเทศบาลเมือง พร้อมทั้งขว้างปาสิ่งของ ทำลายร้านค้าและสถานที่ราชการ หลังจากถูกห้าม ไม่ให้เข้าไปภายในสำนักงานเทศบาลกรุงเทลอาวีฟ ทางการจึงส่งตำรวจปราบจลาจลเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยเจ้าหน้าที่ใช้ระเบิดควันและระเบิดเสียงเป็นอาวุธหลัก ร่วมกับรถฉีดน้ำแรงดันสูงและการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะ พร้อมรวบตัวผู้ประท้วงรวม 26 ราย

ชนวนเหตุของการลุกฮือในครั้งนี้ ปะทุขึ้นหลังจาก คลิปตำรวจในครื่องแบบ 2 นายรุมทำร้ายทหารอิสราเอลเชื้อสายเอธิโอเปียนอกเครื่องแบบถูกเผยแพร่ จุดประกายความไม่พอใจในสังคมเกี่ยวกับปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา รวมถึงการกระทำที่เกินกว่าเหตุ

อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจกรุงเทลอาวีฟ ออกแถลงการณ์ยืนยันเรื่องการติดตามตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย แต่เตือนเรื่องการชุมนุมเพื่อก่อความวุ่นวายในชุมชนถือเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายเช่นกัน




ปัจจุบันอิสราเอลมีพลเมืองเชื้อสายเอธิโอเปียมากกว่า 135,000 คน โดยอพยพเข้ามา 2 ครั้ง ในช่วงปี 2527 และ 2534 ทั้งนี้ความแตกต่างทางสังคม ที่ชาวเอธิโอเปียในประเทศ ที่มีรายได้ต่ำ และถูกตีตราเป็นเหมือนพลเมืองชั้นสอง จึงไม่ได้รับการศึกษาที่ทัดเทียมกับพลเมืองทั่วไป ทั้งยังเป็นที่มาของปัญหา อาชญากรรม และจบลงที่การถูกคุมขังในเรือนจำในที่สุด

ซึ่งครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ที่ชาวยิวเชื่อสายเอธิโอเปีย ออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจาก เมื่อปี 2556 มีเหตุประท้วงในหัวข้อความขัดแย้ง หลังจากเจ้าของบ้านชาวอิสราเอล ปฏิเสธปล่อยที่พัก ให้กลุ่มคนผิวสีเช่า



MThai News

ที่มา BBC

ค้นคอนโดหรูย่านสุขุมวิทเครือข่าย ‘ยูฟัน’ มูลค่า70ล้าน

ตำรวจนำกำลัง บุกค้นคอนโดหรูย่านสุขุมวิท มูลค่า 70 ล้าน หลังพบเป็นของผู้ต้องหารายสำคัญเครือข่าย ยูฟัน ที่ยังหลบหนีเช่าซื้อไว้  ก่อนเตรียมขยายผลยึดทรัพย์ส่งปปง.

วันนี้(3 พ.ค.) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. นำหมายศาลเข้าตรวจค้น คอนโดแอดรูม (@ ROOM) ภายในซอยสุขุมวิท 66/1 ที่ นายอาทิตย์ ปานแก้ว หรือ นายจางเจี้ยน ชาวจีน ผู้บริหารในบริษัทยูฟันพร็อบเพอร์ตี้ บริษัทในเครือ ยูฟัน สโตร์ จำกัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีได้ซื้อไว้

จากการตรวจสอบพบว่าคคอนโดดังกล่าวสูง 5 ชั้น มีห้องพักทั้ง 46 ห้อง ไม่มีผู้พักอาศัยอยู่ ด้านนายสุวิวัฒน์ สุวรรณ์ ผู้ดูแลคอนโดมิเนียม ระบุว่า นายอาทิตย์ ได้ติดต่อซื้อคอนโดดังกล่าวตั้งแต่ 6 เดือนก่อน และทราบว่ามีการจ่ายเงินงวดแรกแล้ว 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมีการตกลงผ่อนชำระเป็นงวด ขณะที่ผ่านมาพบผู้ต้องหาบางคน อาทิ นายไชธร ทองหล่อเลิศ ผู้ต้องหาที่ถูกจับแล้ว และหัวหน้าสายงานของบริษัทยูฟัน ผลัดกันเข้ามาพัก โดยจากการสอบถามทราบว่าที่สามารถเข้าพักได้ เพราะทำยอดได้ตามเป้าหมาย




ด้านพล.ต.ท.สุวิระเปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่าบริษัทยูฟันฯ มาซื้อคอนโดในราคา 70 ล้านบาท และจ่ายเงินแล้ว 35 ล้านบาท และที่ผ่านมามีพนักงานของบริษัทยูฟัน เข้ามาพักอาศัย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ และจะอายัดคอนโดดังกล่าวส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบ พร้อมฝากเตือนผู้ที่รับฝากเงินหรือทรัพย์สิน จากผู้ต้องหาจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ขณะนี้พยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว อยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งอัยการ เพื่อมีความเห็นสั่งฟ้องภายในเดือนพ.ค.นี้ จึงขอให้ผู้เสียหายรีบเข้าแจ้งความ

ส่วนที่สังคมออนไลน์มีการระบุว่า ตำรวจจะได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์ที่อายัดได้ ร้อยละ 25นั้น พล.ต.ท.สุวิระ ยืนยันว่าตำรวจไม่มีส่วนได้เงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งขณะนี้ตำรวจอายัดทรัพย์ได้แล้วกว่า 800 ล้านบาท และยืนยันว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มีสิทธิทราบชื่อผู้เสียหาย ตามที่มีผู้กล่าวอ้าง และตำรวจจะเดินหน้าอายัดทรัพย์สินต่อไป นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจากกระทรวงกลาโหมว่า พล.ท.อธิวัฒน์ สุ่นป่าน ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนี ปลดเกษียณในตำแหน่งพันเอก และได้เลื่อน 1 ชั้นยศ คือ พลตรี เท่านั้น

สำหรับคดีนี้ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 13 คน จับกุมแล้ว 5 คน มอบตัว 2 คน ส่วนที่เหลือหลบหนีออกต่างประเทศ



ภาพจาก สำนักข่าวไทย

ระวัง! “ดีเอสไอ”เตือน “อีเมลไวรัส”ตัวใหม่ระบาด

ดีเอสไอ เตือน อีเมลไวรัสคอมฯ ตัวใหม่ระบาดหนัก หากเปิด-ติดตั้ง เปรียบเสมือนถูกเรียกค่าไถ ต้องจ่ายค่าปลดล็อก 20,000 บาท

วันที่ 3 พ.ค.58 สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหนังสือแจ้งเตือนแก่เจ้าหน้าที่ภายในดีเอสไอเรื่องการเปิดอ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 29 เม.ย. 58 ซึ่งจะทำให้ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ โดยไวรัสชนิดนี้จะส่งผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล)




ซึ่งหากกดเปิดอีเมล์ดังกล่าว ไวรัสจะเข้าไปในระบบ และไม่สามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และค้นหาไฟล์ต่างๆ ได้ ทั้งนี้คอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสดังกล่าวจะเหมือนถูกเรียกค่าไถ โดยต้องจ่ายเงินกว่า 20,000 บาท เพื่อรับรหัสสำหรับการถอดข้อมูล

โดยอีเมล์ไวรัสดังกล่าวจะมีลักษณะพฤติกรรมคือ จะส่งอีเมลให้กับเป้าหมายพร้อมแนบไฟล์ Attachment โดยไฟล์ที่แนบจะเป็นไฟล์นามสกุล เช่น .pdf, .xls, .ppt, .txt, .py, .wb2, .jpg, .odb, .dbf, .md, .js, .pl, และ .doc เป็นต้น

ซึ่งหัวข้อการส่งอีเมล์จะมีคำว่า account หรือ suspended หรือ locked ซึ่งเป็นหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้องด้านการเงิน การสั่งซื้อสินค้า หรือบัญชีธนาคาร พร้อมระบุเนื้อหาของอีเมล์ว่าขอให้เปิดไฟล์ที่แนบไปอีเมล์ ซึ่งหากเปิดไฟล์จะทำให้ติดมัลแวร์หรือไวรัสทันที

ขอบคุณข้อมูล dailynews

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Nepal quake: Airport customs holding up aid relief - UN

The United Nations has urged Nepal to relax customs controls which it says are holding up deliveries of aid to survivors of last week's earthquake.
UN humanitarian chief Valerie Amos said Nepal had a duty to provide faster customs clearance for relief supplies.
Many people are yet to receive the aid, which is piling up at Kathmandu airport, a week after the 7.8-magnitude earthquake on 25 April.
More than 7,000 have died. Authorities have ruled out finding more survivors.







'Administrative issues'
On Saturday, Baroness Amos said she had reminded Prime Minister Sushil Koirala that Nepal had signed an agreement with the UN in 2007 for simpler and faster customs clearance for relief aid in a disaster.
"He has undertaken to ensure that happens, so I hope that from now we will see an improvement in those administrative issues," she told AFP news agency.
The UN representative in the country, Jamie McGoldrick, said the Nepalese government "should not be using peacetime customs methodology"

Nepal lifted import taxes on tarpaulins and tents on Friday but home ministry spokesman Laxmi Prasad Dhakal said all goods arriving from abroad had to be inspected.
"This is something we need to do," he said.
Rameshwor Dangal, of Nepal's National Disaster Management Division, said many people were waiting to receive emergency supplies or be airlifted to safety.
"In many areas people are not getting relief and it is natural that they are unhappy about it," he told AFP.

At least 7,040 people are now known to have been killed in the quake which struck near Kathmandu, Nepalese officials say. More than 14,021 people were injured.
Landslides and poor weather have hampered efforts to deliver aid to isolated districts, and there are only about 20 helicopters available for the rescue and relief operations.
In the Sindhupalchok district, which lies north of Kathmandu, north of the capital, 95% of the houses were destroyed, chief district officer Himnath Dawadi told the BBC Nepali.
Nepal has criticised both the speed of foreign aid deliveries the type of products countries are sending.
Finance Minister Ram Sharan Mahat said: "We have received things like tuna fish and mayonnaise. What good are those things for us? We need grains, salt and sugar."

Boko Haram: 300 girls and women taken to safety

A group of nearly 300 women and girls, which the Nigerian army says were freed from Boko Haram militants earlier this week have been taken to a refugee camp in north-eastern Nigeria.
They had travelled for three days from the vast Sambisa forest where they were rescued, according to the army.




The group arrived in trucks and jeeps at a school converted into the camp in the city of Yola.
Earlier, the military said another 234 women and children had been rescued.
It said that operation took place on Thursday in the forest, a militant hideout.
Reports suggest nearly 700 women have been rescued from Boko Haram over the past week as the army continues its operation against militant strongholds.
Identity screening

But it is still not clear if any of the more than 200 girls abducted from a school in Chibok in April 2014 were among those freed.
The case caused international outrage and triggered a major campaign to get the Nigerian government to work for their release.
The military said the freed hostages were being screened to establish their identities.

Some analysts are sceptical of the army's claims - querying the the use of the term "rescue", says BBC Africa Editor Richard Hamilton.
They say the women were probably picked up by the military after the militants had fled.
While the army says the latest group freed were Boko Haram captives, a local senator says the women and children previously released may have been residents of the area.
The military earlier said it had destroyed 13 camps belonging to the Islamist insurgents in the Sambisa forest, which surrounds a reserve in Borno.
Thousands have been killed in northern Nigeria since Boko Haram began its insurgency in 2009 to create an Islamic state.
In February, Nigeria's military, backed by troops from neighbouring countries, launched a major offensive against the Islamist fighters, recapturing Boko Haram territory taken in the previous year.

wide unanimous decision in Las Vegas.

American Mayweather, 38, delivered a defensive masterclass against his Philippine rival, making the necessary adjustments after only a few rounds before disappearing out of sight.
Mayweather, who added the WBO welterweight title to the WBC and WBA titles he already owned, was awarded the fight 118-110, 116-112 and 116-112 by the three judges.
With his victory, Mayweather also cemented his status as the greatest pound-for-pound boxer of his generation.





The five-weight world champion is now undefeated in 48 professional fights, stretching back 19 years.
Six-weight world champion Pacquiao, 36, falls to 57 wins, six losses and two draws.
Tickets for the bout - billed as 'The Fight of the Century' - changed hands for as much as $350,000 (£232,000) and American fans were charged almost $100 (£66) to watch on television.

Floyd Mayweather emerged victorious from the most

Floyd Mayweather emerged victorious from the most lucrative fight in history, beating Manny Pacquiao via a wide unanimous decision in Las Vegas.
American Mayweather, 38, delivered a defensive masterclass against his Philippine rival, making the necessary adjustments after only a few rounds before disappearing out of sight.
Mayweather, who added the WBO welterweight title to the WBC and WBA titles he already owned, was awarded the fight 118-110, 116-112 and 116-112 by the three judges.
With his victory, Mayweather also cemented his status as the greatest pound-for-pound boxer of his generation.






The five-weight world champion is now undefeated in 48 professional fights, stretching back 19 years.
Six-weight world champion Pacquiao, 36, falls to 57 wins, six losses and two draws.
Tickets for the bout - billed as 'The Fight of the Century' - changed hands for as much as $350,000 (£232,000) and American fans were charged almost $100 (£66) to watch on television.

Rival broadcasters Showtime and HBO joined forces for the first time since Lennox Lewis fought Mike Tyson in 2002 to show the fight, with Jimmy Lennon Jr and Michael Buffer sharing ring announcer duties.
A-listers in the 16,507 crowd included actors Clint Eastwood and Robert De Niro, singers Sting and Prince, and US tycoon Donald Trump.
Multi Grammy Award winner Jamie Foxx sang the American national anthem prior to the fighters entering the ring. So prized was a seat that many celebrities were even sat behind the press row.
Pacquiao began his ring walk at 20:45 Vegas time - to the strains of a song he recorded especially for the occasion - and was awarded a rapturous reception. Mayweather, on the other hand, was roundly booed, despite being effectively the house fighter.
The opening round was extremely cagey, with both men trying to establish their distance, but Mayweather did land with a couple of eye-catching right hands on the counter.
Not only did Mayweather look noticeably bigger than Pacquiao, he also looked quicker in the early rounds.
And when Pacquiao did get close, Mayweather was content to tie him up, to both Pacquiao and the fans' frustration.
Mayweather rocked Pacquiao with two more rights in the second, although Pacquiao was able to get inside his rival's superior reach and unleash a couple of flurries.
The third round was a more even affair, with Pacquiao able to draw Mayweather into some exchanges and Mayweather doing plenty of rough stuff on the inside.
Pacquiao really came into the fight in the fourth, staggering Mayweather with a left hand, which many thought would be a key weapon in this fight.

Mayweather was forced to cover up on the ropes and many of Pacquiao's follow-up punches were caught on the arms and gloves, but a smile from the American signalled he may have been hurt.
Mayweather's head had cleared by the start of the fifth and he proceeded to win the round courtesy of his trusty right cross, with Pacquiao not applying enough pressure or displaying the aggression many felt he needed.
Pacquiao rocked Mayweather again in the sixth, before Mayweather got on his bike in the seventh, slipping and sliding out of reach and frustrating Pacquiao as he looked to engage.
In the eighth it was Mayweather's left that did most of the damage and although he did ship another sneaky left, by now it was apparent that Pacquiao, naturally the smaller man, did not have the necessary power.
It was more of the same in the ninth, during which there were definite signs that Pacquiao was tiring and the fight was beginning to get away from him.
By the 10th, Mayweather had made all the adjustments he needed to make and continually made Pacquiao miss, like a matador with an ailing bull, while doing enough on the counter to win the round.
In the 11th, Pacquiao had gone from bull to mouse, getting snapped on the nose time and time again by Mayweather's jab as he tried to get inside.

Pacquiao's expected late rally did not transpire and the air of resignation in the arena at the final bell told you everything you needed to know - that Mayweather had won an intriguing rather than thrilling fight with plenty to spare.
And while many observers who paid to watch would have been disappointed with the action, the fact that Mayweather won so handily was more proof of his unparalleled genius.
Pacquiao's pride will no doubt be salved when he next checks his bank account - it is estimated the fight will generate $400m (£265m) in total, with Mayweather and Pacquiao set to split in the region of $230m (£150m).
Afterwards Mayweather confirmed he would fight one more time in September before retiring, although the opportunity to surpass Rocky Marciano's mark of 49 fights undefeated might prove too tempting to pass up.
Amir Khan is on the list of possible opponents, as is fellow Briton and IBF welterweight champion Kell Brook.


Cheryl Fernandez-Versini leads celebrity tributes to Will and Kate after royal baby birth

HOARDS of celebrities took to Twitter in celebration today after the Duke and Duchess of Cambridge welcomed their second child.
Leading the tributes to the new princess was singer Cheryl Fernandez-Versini.

The 31-year-old wrote: "Congratulations William and Kate. So excited to see our new little princess!! #itsagirl."



This Morning star Eamonn Holmes also sent his well wishes. 

"It's a Girl ! One of each now for The Happy Couple," he wrote.

'We're very happy' Beaming William returns to Kate's beside with waving Prince George

PRINCE George waved to the crowds this afternoon as he arrived at his mother's bedside in the arms of his beaming dad to meet his new sister for the first time.
The adorable prince, wearing a blue jumper like his dad, looked to be in his element as he waved to the crowd from William's arms on the steps of the hospital as the jubilant crowd outside cheered him on. 









The pair got out of a black Range Rover which pulled up outside the hospital to bring them to Kate's bedside, with the adventurous George walking the first few steps before being scooped up in his dad's arms. 

The Duchess of Cambridge today gave birth to a little girl weighing 8lbs 3oz.

Prince William earlier revealed he was "very happy" as he made a quick dash to the royal residence to pick up his son.

Crowds of well-wishers whooped and cheered as the elated prince left St Mary's Hospital in Paddington less than seven hours after Kate gave birth to their baby daughter.
Two uniformed police officers stood attentively outside the Lindo Wing as William waved to the crowd which has gathered in jubilation outside the hospital. 

The Prince's exit was slightly delayed, thought be due to the fact that he stopped briefly on his way out to chat to members of the medical team who helped out with the birth of his daughter to thank them for their efforts.

Asked how the day had gone, the Prince grinned and replied "very well".


ยูเอ็นกังวลศุลกากรเนปาลล่าช้า

รองเลขาธิการสหประชาชาติเผยวิตกอย่างยิ่งเรื่องเจ้าหน้าที่ศุลกากรเนปาลจัดส่งความช่วยเหลือล่าช้า จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเนปาลแก้ปัญหานี้โดยเร็ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 2พ.ค.ว่าน.ส.วาเลอรี่อามอส รองเลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ฝ่ายกิจการมนุษยธรรมได้เสร็จสิ้นภารกิจการเยือนประเทศเนปาลซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวรุนแรง7.8แมกนิจูดยังผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า6,700ศพและไร้ที่อยู่อาศัยอีกจำนวนมากนอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวอีกว่าความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้นไปตกค้างอยู่ที่สนามบินนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุรวมถึงบริเวณชายแดนด้านที่ติดกับอินเดียซึ่งไม่สามารถผ่านด่านศุลกากรเข้าไปได้โดยกล่าวว่าเธอมีความกังวลอย่างยิ่งเมื่อทราบข่าวว่าการทำงานด้านศุลกากรของเนปาลเป็นไปอย่างล่าช้าและเธอก็มีโอกาสได้นำเรื่องนี้บอกกล่าวกับนายกรัฐมนตรีซูชิลคอยราลา แห่งเนปาลแล้ว




รองเลขาธิการสหประชาชาติฯกล่าวอีกว่าเธอได้ย้ำเตือนให้นายกรัฐมนตรีเนปาลทราบว่าเนปาลได้ลงนามในข้อตกลงกับสหประชาชาติเมื่อปี2550ซึ่งระบุไว้ว่าการตรวจตราด้านศุลกากรต้องดำเนินการอย่างเรียบง่ายและรวดเร็วเพื่อความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์กรณีเกิดพิบัติภัยทางธรรมชาติซึ่งนายกรัฐมนตรีเนปาลก็ได้รับปากแล้วเธอจึงได้แต่หวังว่าจะมีการปรับปรุงด้านระเบียบราชการเรื่องนี้ด้วย

รัฐบาลเนปาลโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการดำเนินการล่าช้าสำหรับความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมประกอบกับการสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลก็ยังมีอุปสรรคจึงทำให้บางจุดยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการเลยแม้เหตุแผ่นดินไหวจะผ่านมา1สัปดาห์แล้ว

นอกจากนั้นสนามบินนานาชาติที่มีอยู่แห่งเดียวของเนปาลก็ยังต้องรับมือกับจำนวนเที่ยวบินที่จัดส่งความช่วยเหลือมาให้นั้นบางลำก็ต้องบินกลับไปเพราะไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับจอดเครื่องบินอย่างไรก็ตาม รองเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่าเนปาลได้ปรับปรุงเรื่องสนามบินแล้วและสหประชาชาติก็กำลังหาทางที่จะนำความช่วยเหลือเข้าไปให้มากขึ้นโดยให้นำมาจากทางอินเดียแต่ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้คือการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยในชนบทที่ห่างไกลของเนปาลซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีฐานะยากจนที่สุดในโลก

"โซนี" ทารกผู้สร้างความหวังให้ชาวเนปาล

แผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 แมกนิจูดในเนปาล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,600 ศพ แต่ท่ามกลางความสูญเสียครั้งใหญ่ ยังคงมีแสงสว่างแห่งความหวัง ที่เริ่มต้นจากการรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ของ "โซนี" ทารกวัย 4 เดือน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่าราสมิลา อาวาล วัย 35 ปี กำลังเดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 25 เม.ย. อย่างไรก็ตาม แผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงเพียงไม่กี่นาทีหลังเธอก้าวออกจากบ้าน สิ่งปลูกสร้างแทบทั้งหมดพังทลายลงมาอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาเธอและประชาชนอีกจำนวนมากในบริเวณนั้น ก้อนอิฐ แท่งปูน และท่อนไม้จำนวนมากร่วงลงมาฝังผู้ที่อยู่ในอาคารทั้งเป็น ซึ่งรวมถึงบุตรของเธอทั้งสองคน โซนียา บุตรสาววัย 10 ขวบ และโซนี บุตรชายวัย 4 เดือน




ราสมิลากล่าวว่าเธอตกใจมากและวิ่งไปทั่วเพื่อขอความช่วยเหลือ ในเวลานั้นเธอยอมรับว่าเผื่อใจเอาไว้แล้วเหมือนกัน ว่าเธออาจไม่ได้พบหน้าบุตรทั้งสองคนอีก ขณะที่สามีของเธอ คือชาม อาวาล วัย 35 ปี ซึ่งประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง รีบกลับมาที่บ้านทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหวเพื่อช่วยตามหาบุตรสาวและบุตรชาย ด้านเพื่อนบ้านซึ่งทราบข่าวพากันมาช่วยค้นหาเช่นกัน ก่อนที่ในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ทุกคนพบร่างของโซนียา และช่วยกันอุ้มเธอออกมาจากซากปรักหักพัง

สามีภรรยาอาวาลกล่าวว่าดีใจมาก เมื่อพบว่าบุตรสาวคนโตยังมีชีวิตอยู่ แม้อยู่ในสภาพหมดสติ แต่บุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นทารกยังคงสูญหาย แม้ทหารจำนวนมากกระจายกำลังกันค้นหาจนถึงช่วงเวลากลางคืน ทุกคนยังไม่พบสัญญาณบ่งบอกการมีชีวิตของหนูน้อย จนกระทั่งมีเสียงทารกร้องเล็ดรอดออกมาจากภายใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งราสมิลากล่าวว่าคือ "เสียงจากสวรรค์" สร้างความเชื่อมั่นให้เธอและสามี ว่าโซนียังคงมีชีวิตอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเวลากลางคืนและแสงไฟไม่เพียงพอ ทุกคนจึงต้องรอจนถึงรุ่งเช้าของอีกวันเพื่อช่วยกันค้นหาอีกครั้ง และในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พบร่างของโซนี

ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นของหนูน้อยในอ้อมอกของทหารเนปาลได้รับการเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ขณะที่คณะแพทย์กล่าวว่า โซนีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่หน้าผากและขาเนื่องจากถูกก้อนอิฐบาด แต่สภาพร่างกายโดยรวมของหนูน้อยถือว่ายังแข็งแรงดีมาก แม้ขาดอาหารมานานถึง 1 วัน จึงอนุญาตให้โซนีกลับไปอยู่กับครอบครัวหลังเข้ารับการทำแผลและตรวจร่างกาย สามีภรรยาอาวาลกล่าวว่า ตอนนี้ครอบครัวหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สิ่งที่จะไม่มีวันสูญเสียอีกคือ "ความหวัง"

เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงประสูติกาล “พระธิดา”

เจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงประสูติกาล ทายาทองค์ที่ 2 เป็นพระธิดา อย่างปลอดภัยแล้วในเวลา 08.34 น.ตามเวลาท้องถิ่น ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีสุขภาพแข็งแรง
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ว่า สำนักพระราชวังเคนซิงตัน ประกาศวันนี้ว่า เจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงมีประสูติกาลทายาทองค์ที่ 2 เป็นพระธิดา อย่างปลอดภัยเมื่อเวลา 08.34 ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 14.34 น.วันนี้ตามเวลาในไทย ซึ่งทายาทพระองค์ใหม่นี้ จะมีสถานะเป็นรัชทายาทลำดับที่ 4 ของราชวงศ์อังกฤษ






ทั้งนี้ ดัชเชสถูกส่งตัวเข้าอาคารลินโด วิง ที่โรงพยาบาลเซนต์ แมร์รี ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์แรก ประสูติในเดือนก.ค.2556 แถลงการณ์ของทางราชวังระบุด้วยว่า ทั้งเจ้าหญิงแคทเธอรีน และพระธิดา ทรงมีสุขภาพแข็งแรง

ดัชเชสเสด็จออกจากพระราชวังพร้อมกับเจ้าชายวิลเลียม พระสวามี ไปยังโรงพยาบาลเมื่อเวลา 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 12.00 น.ของวันนี้ตามเวลาในไทย

พระธิดาองค์ใหม่จะเป็รัฐทายาทลำดับที่ 4 ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาลร์ส มกุฏราชกุมาร ผู้เป็นอัยกา, เจ้าชายวิลเลียม พระบิดา และเจ้าชายจอร์จ พระเชษฐา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าฟ้าชายชาลร์ส ตรัสว่า พระองค์ทรงหวังว่า ดัชเชสจะมีประสูติกาลเป็นพระธิดา